CONSOLES [เครื่องเล่น] |
GAME [เกมส์] |
ACCESSORIES [อุปกรณ์เสริม] |
PlayStation VR |
The Evil Within 2 [PS4]
Warranty Period : 1 Week
- The Evil Within 2 [PS4]
- สุดยอดเกมยอดนิยม
- ภาษาอังกฤษ
- จัดส่งรวดเร็ว
The Evil Within (หรือชื่อPsychobreak สำหรับver.ญี่ปุ่น) เป็นเกมที่สร้างจากจินตนาการสุดจิต และน่าสะอิดสะเอียนโดย "ชินจิ มิคามิ" ผู้ให้กำเนิด Biohazard หรือ Resident Evil อันลือลั่น หลังจากเฮียมิคามิแกถูกอัญเชิญออกจาก บ. Capcom ด้วยข้อหา "ทัศนคติการทำเกมที่ไม่ตรงกันของผู้บริหาร และ ผู้สร้างเกม" ทำให้เฮียแกออกไปทำเกมในแนวที่แกอยากทำ กับค่ายที่ตอบสนอง Need แกได้ อย่างค่าย Bethesda Softworks ที่มีผลงานอย่าง Fallout และ Skyrim (ผู้ให้กำเนิดคำว่า "Fus ro Dahhh!!"อันโด่งดัง)
โดยในเกมภาคที่ 2 ก็จะเล่าเรื่องราวของนักสืบ "เซบาสเตียน คาสเตลาโน่" คนเดิม เพิ่มเติมคือความหมองหม่นในใจ และจมอยู่กับอดีตที่ไม่สามารถช่วยลูกสาว "ลิลลี่" จากอุบัติเหตุ แถมยังโดนเมียทิ้ง เพื่อนร่วมงานหายสาบสูญ ไม่มีใครเชื่อเรื่องที่ตัวเองเจอมา จนสุดท้าย เขาติดเหล้าจัด และกลายเป็นคนจิตตกถึงที่สุดเท่าที่ชายคนนึงจะเป็นได้...
ซบาสเตียน คาสเตลลานอส อดีตเจ้าหน้าที่สืบสวนแห่งกรมตำรวจประจำเมืองคริมสันซิตี้ กลับมาอีกครั้งเพื่อเผชิญฝันร้ายบทใหม่ที่แลไม่มีวันจบสิ้น ในภาคต่อจากซีรี่ส์เกม The Evil Within (หรือในชื่อญี่ปุ่นว่า Psycho Break) ซึ่งวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2014 โดยในภาคที่ 2 นี้เนื้อหาช่างมีความเหมาะเจาะพอดิบพอดี เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องจากภาคแรก 3 ปีให้หลังจากที่ได้รับมอบหมายให้ไปสืบคดีเหตุการฆาตกรรมหมูในโรงพยาบาลจิตเวชบีคอน เกมที่กล้าการันตีรับประกันความหลอนสุดสยองจากผู้สร้างและให้กำเนิดซีรี่ส์โด่งดังเป็นตำนาน Resident Evil หรือ Biohazard คุณ Shinji Mikami นั่นเอง ภายใต้บ้านหลังใหม่อย่าง Tango Gameworks ส่วนตัวเกมได้รับการจัดจำหน่ายโดยค่ายใหญ่ยักษ์ Bethesda Softworks มีซีรี่ส์มาสคอตสุดฮิตอาทิ Fallout และ Skyrim
Story
ภาค 2 เนื้อเรื่องเจาะลึกไปที่ชีวิตอันแสนมืดมนสุดรันทดของตัวเอก เซบาสเตียน ที่ถึงแม้จะผ่านเหตุการณ์เลวร้าย ณ โรงพยาบาลจิตเวชบีคอน จากภาคแรกมาได้ แต่สภาพจิตใจกลับย่ำแย่เข้าขั้นวิกฤติจนขั้นต้องออกจากงาน และใช้น้ำสีทองย้อมใจเมาหัวราน้ำให้ผ่านพ้นไปได้ในแต่ละวัน จนกระทั่ง จูลี่ คิดแมน เจ้าหน้าที่ของโมเบียสที่แฝงตัวเป็นสายสืบและอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในภาคแรก ได้ปรากฏตัวพร้อมข้อมูลที่เสมือนกระชากเซบาสเตียน ออกสู่โลกความเป็นจริงอีกครั้ง นั่นก็คือ ลิลลี่ ลูกสาวทีเขาเคยคิดว่าได้เสียชีวิตไปในเหคุการณ์เพลิงไหม้แท้จริงยังมีชีวิตอยู่ และรอคอยการช่วยเหลือจากเค้า ทว่าด้วยข้อเสนอกับการต้องยอมกลับเข้าสู่ระบบ STEM เดิมแต่เวอร์ชั่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นต่อจากภาคแรก
หมายเหตุ* STEM คือระบบที่สามารถเชื่อมต่อสภาวะจิตของบุคคลให้มาอยู่รวมกัน ซึ่งจะต้องมี The Core จิตหลักของบุคคลหนึ่งเป็นแกนกลางรากฐานเสมือนโลกอีกใบทว่าไม่ใช่โลกจริง หากใครนึกไม่ออกนึกถึงหนังอย่าง The Matrix
การดำเนินเรื่องในภาคที่ 2 มีความซับซ้อนน้อยกว่าและเป็นเส้นตรงมากกว่าภาคก่อนที่มีปริศนาและคำถามทิ้งให้กับผู้เล่นมากมายจนกระทั่งจบเกม (จนต้องมี DLC ออกมาเสริมให้หายสงสัย) แต่ทว่าโทนในการเล่าเรื่องราวในภาคนี้กลับทำได้อย่างลงตัวมาก คุณจะรู้สึกราวกับว่าได้ดูหนังแนวจิตวิทยา Sci-Fi-Horror ดีๆ สักเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว มีการนำ Reference ปมในภาคเก่า ตัวละครเก่า สิ่งอ้างอิงเก่าๆ มาเชื่อมต่อและร้อยเรียงได้อย่างไม่รู้สึกติดขัดแต่อย่างใด แต่สิ่งที่เมย์ไม่คาดคิดคือความบีบคั้นกดดัน ดราม่าที่เล่นกับอารมณ์ในแง่จิตใจกับคนดูได้อย่าง EPIC มาก ยอมรับเลยว่าเล่นเอาตั้งหลักไม่ทัน ยิ่งช่วงใกล้จบเกมนี่คือ PEAK สุดๆ! ตัวละครหน้าใหม่ไล่ตั้งแต่สมาชิกองค์กรโมเบียสไปจน BOSS ที่คุณต้องปะทะ มีเรื่องราวเป็นของตัวเองที่น่าสนใจและสามารถเล่าให้เราเชื่อจนเกิดอาการอินชนิดโมโห สะอิดสะเอียน หมั่นไส้ (รวมไปจนสงสารเห็นใจด้วยเช่นกัน) เนื้อเรื่องนับเป็นหนึ่งในจุดแข่งสำคัญของภาคที่ 2 ชนิดที่แทบจะไม่มี Moment ให้เบื่อ หรือ หยุดพักให้ใจหายคอกันเลย
Gameplay
เปลี่ยนแบบยกเครื่อง! โอ้ว..ขณะเล่นก็ได้แต่อุทานในใจว่า ตกลงนี่คือ The Evil Within จริงๆ หรือ!? ทว่านั่นไม่ใช่ข้อเสียเลย กลับกันมันคือข้อดีอย่างมาก! ในภาคนี้เกมได้ปรับเปลี่ยนทั้งโทนและวิธีการเล่นใหม่ โดยมีความเป็นกึ่ง Open World โลกเปิดมากขึ้น เพราะสถานที่ใน STEM ที่เราจะเข้าไปในภาคนี้เป็นเมืองจำลองชื่อ Union ไม่เหมือนภาคแรกที่เป็นโรงพยาบาลซึ่งสถานที่ที่เราสำรวจจะแคบกว่า และมีโทนที่มืดมนกว่า Union เป็นเมืองที่ทางโมเบียสพยายามจำลองสร้างบรรยากาศให้คล้ายชานเมืองเล็กๆ ของสหรัฐอเมริกาที่มีความเงียบสงบ น่าอยู่ต่อตัว The Core
เซบาสเตียน จะสามารถใช้วิทยุสื่อสารกับเจ้าหน้าที่คิดแมนที่อยู่นอกระบบ STEM และตัวละคร NPC ที่พบเจอภายใน ซึ่งจะมีทั้ง Main Quest เนื้อเรื่องหลัก และ Side Quest ที่ให้อิสระว่าเราจะทำหรือไม่ทำก็ได้โดยการใช้วิทยุที่ว่าหาคลื่นความถี่ต่างๆ ว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรตรงไหน Map ค่อนข้างกว้างกว่าภาคแรกมากๆ และการดีไซน์ก็จะแยกเป็นสัดส่วน ตั้งแต่ร้านอาหาร อู่ซ่อมรถ บ้านเรือน ไปจน City Hall ศาลากลางประจำเมือง สิ่งที่เมย์ประทับใจมากคือ Side Quest เพราะเราจะได้รู้เรื่องตัวละครอื่นๆ เพิ่ม รวมถึงเอกสารบางอย่างส่งผลต่อ Main Quest ให้เราเข้าใจว่ามันเกิดอะไร ทำให้ขณะเล่นไม่ได้รู้สึกว่าต้องทำแบบฝืนใจ แต่ทำเพราะมันสนุกและอยากรู้ อีกทั้งสิ่งที่ได้รับหลังจบแต่ละเควสก็คุ้มค่าเสียด้วย
และด้วยความกว้างของ Union ทำให้คุณจะเจอศัตรูหลากหลายและมากด้วยจำนวน (แล้วแต่ระดับความยากที่เริ่มตอนต้นเกม) ซึ่งวิธีการเล่นก็ให้อิสระว่าจะเน้นลอบเร้น หรือเข้าไปบู๊ตรงๆ ก็ไม่มีใครว่า แต่ภาค 2 จะไม่มีระเบิดหรืออาวุธหนักอย่างภาคแรก แต่การบังคับความ Smooth ลื่นไหวกว่าเยอะค่ะ เราสามารถที่จะวางกับดักและใช้ความคิดสร้างสรรค์กับพื้นที่นั้นๆ ตัวอย่าง ถ้าพื้นมีน้ำมันก็สามารถจุดไฟเผาได้ วิธีการปราบศัตรูจึงมีทางเลือกเยอะในภาคนี้ สำหรับผู้เล่นเน้นสายเน้นรูทและคราฟจะถูกใจสุดๆ เพราะมีพื้นที่และ Side Quest ให้เก็บเพื่ออาวุธที่ดีขึ้นมากมาย ระบบการอัพเกรดผ่าน Green Gel ก็ยังคงอยู่แต่ปรับปรุงแบบยกเครื่อง (กึ่งๆ RPG มีเป็น Skills Tree เลยทีเดียว) ภาคนี้จึงมีความหลากหลายของ Gameplay ราวกับเล่น The Last of Us, Silent Hill, Resident Evil แม้กระทั่ง Dying Light ในเวลาเดียวกัน แฟนเกมเก่าที่ต้องการความหลอนสยองอย่างภาค 1 อาจจะขัดใจแน่ แต่สำหรับเมย์แล้วคิดว่า Gameplay ในภาคนี้ลงตัวและเหมาะกับคนที่ไม่โดนใจกับโทนเกมในภาคแรกนัก
Graphic & Sound
สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในภาคที่ 2 คือ Art Style และการ Edit ตัดต่อเปลี่ยนเข้าฉากหรือข้ามฉากรวมไปจน Cut scene Cinematic ทำให้ดีมาก The Evil within 2 ไม่ใช่แค่เกมภาพสวย แต่มันคือเกมที่ดีมีองค์ประกอบศิลป์ที่สวยที่สุดเกมหนึ่งที่เมย์เคยเล่นมา ตั้งแต่การดีไซน์ทำได้สร้างสรรค์ แหวก แปลกและงดงามฉาบความสยดสยองอย่างน่าทึ่ง กราฟิกทั้งในแง่ Texture ของตัวละครรวมถึงสภาพแวดล้อมพัฒนาจากภาคแรกไปหลายขุม การแสดงออกทางสีหน้า คุณจะสามารถสังเกตเห็นแม้กระทั่งอารมณ์ที่เล็กน้อยได้ (ความหดหู่, สิ้นหวัง, โกรธ และกลัว) โทนของสีในภาคนี้จะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ขึ้นอยู่กับเควสและสถานที่รวมจนถึง Boss / NPC ที่คุณพบเจอ ทำให้มันจะไม่ได้มีแค่โทนมืดๆ ซึ่งเมย์ว่าเป็นสิ่งที่ฉลาด เพราะคุณอาจจะเดินเข้าไปยังร้านอาหารที่ดูน่าจะปกติที่สุดและในชั่วพริบตามันอาจจะทำให้คุณหลอนจนขนหัวลุกอยากลุกไปฉี่ได้เลย ฮ่าๆ (ต้องเล่นเองค่ะ เมย์การันตีว่าคุณจะโคตรทึ่ง!)
Soundtrack เพลงประกอบให้ความรู้สึกคล้ายภาพยนตร์ ทั้งบทร้องและท้วงทำนอง แม้แต่ Detail เล็กน้อยที่มีใน Story ได้ถูกใส่เข้ามาในเพลงด้วย! ยิ่งถ้าคุณเล่นจนจบและฟังเพลงอีกครั้ง มันจะให้อารมณ์คนละแบบในตอนเริ่มต้น (จุดนี้เมย์ปรบมือให้เลยค่ะ) เสียง Sound Effect ประกอบทำได้ถูกจังหวะและถูกเวลา เสียงหัวเราะอันสยดสยอง รวมไปถึงเสียงของศัตรูมอนสเตอร์ภูตผีภายในเกม ทำได้ดีมาก (มีเควสหนึ่งที่จนตอนนี้ยังทำให้เมย์กลัวได้อยู่เมื่อนึกถึง มันดีขั้นนั้น!) แต่ข้อติก็มีนะคะ นั่นก็คือการเปลี่ยนเสียงพากย์ของตัวเอกหลักทั้ง เซบาสเตียน คาสเตลลานอส และ จูลี่ คิดแมน ก็ทำให้อาจรู้สึกแปลกและแฟนๆ บางส่วนก็ผิดหวัง แม้ว่าผู้ให้เสียงพากย์ใหม่จะทำน้าที่ได้อย่างดีก็ตาม
ตุลาคมเดือนแห่งความหลอน เพื่อนๆ คนไหนกำลังมองหาเกมสยองขวัญสั่นประสาทแต่ไม่รู้จะเล่นเกมอะไรดี เมย์ ขอ Recommend The Evil within 2 เกมที่จะมอบประสบการณ์ที่มากกว่าแค่ความ Horror ที่คุณคุ้นชิน ทว่าเนื้อเรื่อง, Art, Gameplay องค์ประกอบต่างๆ ช่างทำได้กลมกล่อมและลงตัว การันตีว่าจะไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
PlayStation VR Promotion Pack 9 Games
Out of stock
฿ 10,990.00
|
PlayStation VR Promotion 4
Out of stock
฿ 12,490.00
|
PS4 PRO: God of War Bundle + The Last of Us Remastered Bundle [1TB]
Out of stock
฿ 14,990.00
|
PlayStation VR [PS4]
Out of stock
฿ 9,500.00
|
PS4 CONTROLLER SILICONE
Out of stock
฿ 250.00
|
Customer Reviews:
There are yet no reviews for this product.Please log in to write a review.