ถ้าคุณคิดว่าคุณจะได้สวมบทเป็นฮีโร่กอบกู้โลกจากวันอันแสนเลวร้ายแล้วล่ะก็ คุณคิดผิดถนัด เพราะ Darksiders ผลงานชิ้นแรกจาก Vigil Games จะให้คุณทำในสิ่งตรงกันข้าม...วันโลกาวินาศได้มาถึงแล้ว

เนื้อเรื่องในเกมจะกล่าวถึง Arthas...เอ้ย!!! War หนึ่งในสี่จตุรอาชาแห่งโลกาวินาศ ที่เดินทางขึ้นมายังพื้นโลกเพื่อสร้างความร้าวฉานให้มวลมนุษย์ตามพระคริสตธรรมคัมภีร์ หากแต่ว่า...เขามาเพียงแค่ตนเดียว

แล้วม้าอีกตัวหนึ่งก็ออกมาเป็นสีแดงเพลิง ผู้ขี่ม้านั้นได้รับอำนาจที่จะนำสันติภาพไปจากโลกและทำให้มนุษย์เข่นฆ่ากัน ผู้นี้ได้รับดาบเล่มใหญ่

พระธรรมวิวรณ์ 6 : 4

สำหรับข้อมูลรายละเอียด ความเป็นมาของจตุรอาชาและวันโลกาวินาศตามพระคริสตธรรมคัมภีร์นั้น ท่านสามารถศึกษาอ่านได้ในบทความ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยพอขำๆ : จตุรอาชาแห่งวันโลกาวินาศ

รูปแบบการเล่นสำหรับใครก็ตามที่เป็นสาวกคอนโซลคงจะคุ้นเคยกันดีกับการต่อสู้ผจญภัยไขปริศนาอย่าง Zelda บวกกับความโหดเลือดสาดแบบ God of War ที่ใส่ธีมและงานศิลป์ของฝั่งตะวันตกเข้าไปและตู้มมม!!!...กลายเป็น Darksiders เกมนี้เป็นลูกผสมเกม Action ที่ลงตัวสำหรับเกมเมอร์ทั่วทุกมุมโลกเลยทีเดียว นอกจากระบบต่อสู้ไขปริศนาที่โดดเด่นมีแล้ว เกมยังมีแผนที่เปิดกว้าง ผู้เล่นจึงเลือกที่จะเดินทางไปจุดไหนก่อนก็ได้ แต่สุดท้ายแล้วก็มาบรรจบกันอยู่ดี หลังช่วงกลางเกมไปยังสามารถเลือกเดินทางข้ามแผนที่ได้ผ่านทาง Serpent Hole ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆกับ waypoint ได้อีกด้วย ปริศนาระหว่างเส้นทางจัดว่าไม่ยาก และไม่ง่ายจนเกินไป แต่สำหรับเกม Action ผมว่ามันค่อนข้างมากไปซักนิด มีบางจุดที่เข้าถึงได้ยากซึ่งเป็นที่ตั้งของไอเท็มโบนัสต่างๆ เช่น Artifact ไว้ใช้แลกเงินซื้อของกับ Vulgrim ผนึกตราสะสมเพื่อเพิ่มหลอดเลือดหรือหลอดอบิลิตี้ หรือจะเป็นไอเท็ม Enchantment สำหรับนำไปติดอาวุธ ทำให้ผู้เล่นมีอิสระมากขึ้นถึงแม้เนื้อเรื่องจะเป็นเส้นตรงก็ตาม

เกมมีบั๊กให้เห็นอยู่หลายจุด เช่น บางช่วงหลังจากเปลี่ยนฉากที่จะทำให้เกมหลุดออกมายังหน้าเดสก์ทอป แต่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรมากนักเพราะเกมนี้มีระบบเซฟเกมอัตโนมัติตามจุดสำคัญต่างๆ หรือเลือกที่จะเซฟเองก็ได้ นอกจากนี้เกมยังมีระบบแต้มวิญญาณที่ได้จากการปราบศัตรู และจากการเปิดหีบระหว่างทาง ซึ่งแต้มวิญญาณนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ ดวงวิญญาณสีเขียวสำหรับเติมพลังชีวิต สีเหลืองสำหรับเติมหลอดอบิลิตี้ และสีน้ำเงินสำหรับสะสมเพื่อนำไปแลกซื้อไอเทม ท่าคอมโบ หรือ อบิลิตี้ใหม่ๆอีก 3 อย่างที่ใช้ในการต่อสู้คือ Stoneskin ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและความทนทานให้เรามากยิ่งขึ้น Immolation ที่ทำให้ตัวเราติดไฟ สร้างความเสียหายต่อศัตรูรอบข้าง หรือจะเป็น Affliction ที่ใช้สำหรับเรียกปีศาจออกมาช่วยต่อสู้ และยังมีอบิลิตี้อื่นๆอีกที่จะได้รับในระหว่างเนื้อเรื่องอย่าง Chaos Form ที่เราได้ใช้กันพอหอมปากหอมคอในช่วงต้นเกม หรือจะเป็นการเรียก Ruin ม้าคู่ใจของเราออกมาร่วมต่อสู้ อาวุธในเกมจัดว่ามีความหลากหลายมากทั้งดาบ เคียว สนับมือ หรือจะเป็นอาวุธรองอย่างกงจักร ปืน สลิง ซึ่งได้จากเนื้อเรื่อง และเรายังสามารถเพิ่มความชำนาญขึ้นได้หากใช้อาวุธชิ้นนั้นไปนานๆ ซึ่งจะมีผลในด้านความรุนแรงของอาวุธนั้นๆ นอกจากนี้อาวุธยังสามารถปรับแต่งได้โดยมีช่องสำหรับติดตั้งไอเท็มอัพเกรดเพิ่มความแกร่งด้วย

ปริศนาภายในเกมไม่ยากและไม่ง่ายจนเกิน
สามารถนำแต้มวิญญาณมาแลกท่าคอมโบได้กับ Vulgrim อาวุธก็สามารถเพิ่มความชำนาญได้เช่นกัน

ศัตรูในเกมมีทั้งเทพและปีศาจ ไซส์ลูกกระจ๊อกอย่างซอมบี้ตัวเล็กๆ ไปจนถึงบอสตัวใหญ่มหึมา โดยรวมแล้วจัดว่าโหดใช้ได้เลย โดยเฉพาะปีศาจตัวใหญ่ๆที่โดนอัดทีเลือดหายไปเกือบครึ่งหลอด ผมเลยไม่ค่อยอยากเข้าไปบวกด้วยเท่าไหร่แม้จะเล่นในระดับความยากปกติ บอสแต่ละตัวจะมีเอกลักษณ์และวิธีการสังหารที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่ได้เน้นวิ่งบวกเข้าไปฟันแหลก ซึ่งผู้เล่นต้องใช้ไหวพริบและสภาพแวดล้อมเข้าช่วย ส่วน AI นั้นยังไม่ค่อยมีความฉลาดมากนัก ชนิดที่ว่าเห็นศัตรูก็ดาหน้าเข้ามาตายเรียงตัวกันเลยทีเดียว ไม่ค่อยใช้การบล็อคหรือตีโอบล้อมเท่าไหร่นัก และเดินติดฉากเป็นบางครั้ง ทำให้ในส่วนนี้ขาดความท้าทายไปบ้าง

ถ้าชอบบอสตัวใหญ่ๆแล้วล่ะก็ Darksiders จัดให้!
การควบคุมตัวละครอาจเป็นสิ่งแรกที่หลายๆคนอาจกังวลและขยาดกันตั้งแต่ยังไม่เริ่มเล่น คงเป็นเรื่องยากที่จะให้เล่นเกมพอร์ทจากคอนโซลโดยใช้เมาส์และคีย์บอร์ดอย่างคล่องแคล่ว แต่หลังจากที่ผมได้ลองสัมผัสดูแล้วทัศนคตินั้นก็ลบหายไปจากใจผมเลย ถ้าคุณเคยเล่นเกม First Person Shooter มาก่อนคงคุ้นเคยกันดีกับรูปแบบการวางมือบนปุ่ม WASD (และปุ่มใกล้เคียง) Shift Alt Ctrl spacebar ปุ่มเปลี่ยนอาวุธ 1 2 3 4 ส่วนมือขวากุมเมาส์คลิกซ้าย-ขวาในการออกท่วงท่า ทำให้การออกท่าเป็นไปอย่างไม่ติดขัดโดยไม่ต้องหาจอยมาต่อเพิ่มและยังมีท่าเผด็จศึกหรือ instant kill ไว้เอาใจขาโหดซึ่งจะได้โบนัสแต้มวิญญาณมากกว่าการสังหารแบบปกติอีกด้วย จุดที่น่าติเล็กน้อยคงเป็นเรื่องท่าที่น้อยไปซักหน่อยทำให้รู้สึกซ้ำซากไปบ้าง แต่ก็ทดแทนด้วยการที่สามารถใช้ท่านี้ได้กับศัตรูทุกตัว (ช่วงนี้เราจะอมตะชั่วคราวด้วยนะ) สิ่งที่ผมสังเกตได้จุดหนึ่งเกี่ยวกับระบบต่อสู้คือเกมนี้ไม่ค่อยเน้นการทำคอมโบฟันศัตรูลอยกลางอากาศเป็นร้อยๆครั้ง ซึ่งส่วนมากจะทำได้แค่ประมาณ 30 – 40 คอมโบ(โดยใช้เมาส์+คีย์บอร์ด) การต่อสู้จะเน้นไปที่การหลบ/โจมตีให้ถูกจังหวะ ซึ่งรวมถึงการเลือกใช้ท่าอบิลิตี้ด้วย และยังมีระบบล็อคเป้าศัตรูซึ่งมุมกล้องจะเปลี่ยนไป การพุ่งหลบจะโฟกัสอยู่รอบๆศัตรูที่ล็อคไว้ ช่วยในการอ้อมตลบหลัง ทำให้การต่อสู้มีการพลิกแพลงดูมีชั้นเชิงมากขึ้น การบอกแนะนำปุ่มในเกมอ้างอิงจากที่เราตั้งค่าไว้ใน Option ทำให้เข้าใจได้ง่าย ไม่สับสนงงงวยว่าปุ่มกลมๆสีเหลืองรูปตัว Y ที่โชว์อยู่บนจอมันคือปุ่มอะไรกันแน่

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจและเกมแอคชั่นส่วนใหญ่ไม่มีนั่นก็คือ ตัวเอกของเราว่ายน้ำเป็นครับ แถมดำน้ำได้ด้วยแม้ว่าในนรกบ้านเกิดของ War นั้นจะไม่มีสระน้ำให้ว่ายก็ตาม นอกจากนี้ในระหว่างเนื้อเรื่องบางช่วงจะมีการเดินทางที่แปลกออกไปซึ่งเปรียบเหมือนมินิเกมเล็กๆ เช่น ฉากขี่กริฟฟินซึ่งการบังคับยังคงไม่ต่างไปจากเดิมมาก แถมยังช่วยเพิ่มสีสันให้กับเกมด้วย ส่วนตัวผมว่าฉากนี้สนุกใช้ได้เลย

ภาพกราฟฟิกในเกมนี้จะเป็นกึ่งการ์ตูน 3 มิติที่ไม่ได้น่ารักคิกขุอาโนเนะเหมือนที่เห็นๆกันทั่วไปตามท้องตลาด ส่วนหนึ่งนั่นเพราะเป็นงานศิลป์ของทางฝั่งตะวันตก ทำให้ตัวละครดูมีความโหด ดิบ เถื่อน และตัวเกมยังคงบรรยากาศอึมครึม หดหู่ ของซากเมืองร้างหลังวันโลกาวินาศไว้ได้ดี ข้อเสียอย่างหนึ่งของเกมพอร์ทคงหนีไม่พ้นเรื่องกราฟฟิก และ Darksiders ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ในส่วนของการปรับตั้งค่าการแสดงผล เกมนี้สามารถปรับได้เพียงแค่ค่าความละเอียดหน้าจอ ความสว่าง และ v-sync เท่านั้น ทำให้ภาพขณะเล่นในความละเอียดสูงมีเหลี่ยมมุมเป็นพิกเซลอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะเงา texture ก็ค่อนข้างหยาบพอสมควร และยังมีปัญหาเรื่องเฟรมเรทตกบ้างในบางช่วง ทั้งที่ภาพในเกมก็ไม่ได้สวยจัดจนต้องใช้การ์ดจอรุ่นสูงๆเลย ส่วนอีกประเด็นหนึ่งที่พบกันมากคือเรื่องของฉากคัตซีน ซึ่งเป็นไฟล์ฟอร์แมท .wmv ทำให้ผู้เล่นบางท่านเกิดปัญหาในด้าน codec แต่ก็สามารถแก้ไขได้ไม่ยากเช่นกัน ส่วนเสียงประกอบภายในเกมนั้น ถึงจะไม่สามารถปรับคุณภาพได้ แต่เพลงประกอบก็ทำออกมาเข้ากับบรรยากาศให้อารมณ์ร่วมได้เป็นอย่างดี และเสียงเอฟเฟกซ์จากการต่อสู้ฟันดาบหรือระเบิดก็จัดอยู่ในเกณฑ์ดีเลยทีเดียว

โดยสรุปแล้ว Darksiders เป็นเกม Action ที่ดึงจุดเด่นของแต่ละเกมมาใช้อย่างลงตัว และมีระบบต่อสู้ที่มีชั้นเชิง แต่ก็มีปัญหาด้านกราฟฟิกและบั๊กยิบย่อยให้เห็นอยู่บ้าง สำหรับใครก็ตามที่กำลังมองหาเกมมันส์ๆ เนื้อเรื่องน่าติดตามไม่น้ำเน่าแล้วล่ะก็ Darksiders นั้นคือหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆในช่วงนี้ รับประกันได้เลยว่าเกมนี้ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนครับ

ขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่เคยเล่นเกมจำพวก God of war หรือซีรีย์อื่นๆ ที่ใกล้เคียง เพราะไม่มีเครื่องคอนโซล ส่วนเกมแนวนี้ ที่เคยสัมผัสก็มีแต่ Devil may cry (ที่ภาคใหม่เป็นข่าวและกระแสร้อนแรงในขณะนี้...) เกม Darksiders นี้ ได้นำผมไปสู่ประสบการณ์อันแสนสนุก บู๊ล้างผลาญแบบไม่ต้องสนใจหน้าหลัง ด้วยการออกแบบตัวเอกที่ผมโดนมวากก (เท่ห์ &#) และการต่อสู้ที่รวดเร็วต่อเนื่อง การ port จากเครื่องคอนโซล ที่ทำได้ดีมากที่สุด (สมควรที่เกมอื่นจะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง) ผสมผสานไปด้วยไอเดียมากมาย ทั้งรูปแบบอาวุธ การใช้งาน การผ่านบอสแต่ละตัว ทำให้เกมเพลย์มีสเหน่ห์ ดึงดูดให้เล่นติดเก้าอี้ได้เป็นวันๆ และด้วยราคาที่ถูกมากในไทย (499.-) ทำเกมนี้มีความคุ้มค่า น่าซื้อหามาระบายความเครียด (ด้วยการกระทืบปีศาจ) เป็นอย่างยิ่งแต่อย่างไรก็ตาม เกมก็มีข้อเสียเล็กน้อย ในส่วนของเนื้อเรื่องที่ชวนงงๆ กว่าจะจับต้นชนปลายถูกก็เอาท้ายๆ เกม (ถ้าอ่าน comic ที่แถมมากับตัวเกม จะเข้าใจเนื้อเรื่องขึ้นเยอะเลย) บัคเสียงหาย ที่ผมเจอคืออยู่ดีๆ เสียก็จะทุ้มๆ ก้องๆ เหมือนอยู่ในโอ่ง ต้องปิดเกมแล้วเปิดใหม่ถึงหาย และที่หลายๆ คนในบอร์ดบ่นกัน (แต่ผมไม่เจอนะ?) คือเซฟเกมหาย...แต่ถ้าเทียบข้อเสียด้งกล่าวแล้ว ผมยกให้นี้เป็นเกมที่คุ้มค่าที่สุดในปีนี้ที่คุณๆ ควรจะซื้อมาเป็นเจ้าของ

ข้อดี
-เนื้อเรื่องไม่น้ำเน่า น่าติดตาม
-ระบบต่อสู้ทำออกมาได้ดี มีการพลิกแพลงตามสถานการณ์
-แผนที่เปิดกว้าง มีความเป็นอิสระ สามารถย้อนกลับมาได้
-พอร์ทมาได้อย่างดีเยี่ยม

ข้อเสีย
-อบิลิตี้ที่มีให้น้อยไปซักนิด
-บั๊กจุกจิก และไม่สามารถปรับคุณภาพกราฟฟิกได้
-ตัวละครไม่บอกกล่าวที่มาที่ไป ทำให้ผู้เล่นอาจงงได้