วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม 2013 เวลา 04:56 น.
หลังจาก Activision ประสบความสำเร็จอย่างสูงจาก Modern Warfare 2 ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนอีกครั้งบนซีรี่ส์ Call of Duty ที่ให้โอกาสผู้เล่นได้สัมผัสกับฉากแอ็คชั่นและภารกิจต่างๆ ในช่วงยุคสมัยสงครามเวียตนามเป็นครั้งแรก กับ "Call of Duty: Black Ops" ภาคใหม่ของซีรี่ส์เกมฟอร์มยักษ์ซึ่งพัฒนาโดยฝีมือของ Treyarch (COD: World at War) แต่จุดเปลี่ยนนี้จะเป็นการก้าวกระโดดสู่ยุคใหม่ของ COD?, ย่ำอยู่กับที่? หรือถอยหลังลงคลอง? ลองไปอ่านรีวิวกันดูครับ
Story & Gameplay:
COD: Black Ops มีการดำเนินเรื่องผ่านภารกิจต่างๆ ตั้งแต่หลบหนีออกจากคิวบา, เข้าไปยังเพนตากอน, ถล่มฐานยิงจรวดโซเวียต ไปจนถึงต่อสู้ในสงครามเวียตนามหรือประเทศลาว เป็นต้น โดยหลักแล้วคุณจะได้สวมบทบาทเป็นตัวละครเอกที่มีชื่อว่า Alex Mason แต่ในบางภารกิจ คุณจะได้สลับไปเล่นเป็น Jason Hudson หรือ Viktor Reznov ซึ่งคราวนี้คุณจะได้เห็นหน้าตาของตัวละครที่คุณได้เล่นจริงๆ จังๆ เสียที ไม่ใช่ตัวเอกที่มีเพียงชื่อแต่ไร้หน้าแบบภาคก่อนๆ เกมมีการเล่าเรื่องรวมถึงแทรกคัทซีนที่ดูดีและแปลกใหม่เป็นระยะๆ เปิดตัวด้วยฉากที่ Alex Mason (ตัวคุณเอง) ถูกจับมาทรมานเพื่อค้นหาความจริงบางอย่าง จากนั้นปมที่ซับซ้อนและคาดเดาได้ยากกว่าภาคก่อนๆ ของเกมในซีรี่ส์ COD ก็จะเริ่มเปิดเผยคลี่คลายออกมาเรื่อยๆ ผ่านความโหดร้ายของสงครามและภารกิจสุดหินต่างๆ ในส่วนรูปแบบการเล่นของ COD: Black Ops ยังคงเหมือนภาคก่อนๆ บนเกมซีรี่ส์ COD... เรียกว่าย่ำอยู่กับที่ดีกว่า คือเกมมีสคริปต์กำหนดตายตัวอยู่เพียบ คุณจะไม่สามารถใช้วิธีพลิกแพลงในการผ่านภารกิจในแต่ละจุดได้เลย และถ้าคุณคิดจะเถลไถลไปสำรวจพื้นที่ซึ่งดูเหมือนจะมีทางให้คุณไปได้แล้วล่ะก็ เกมก็จะมอบกำแพงล่องหนหรือบันไดที่ปีนขึ้นไปไม่ได้มาให้ พร้อมกับบังคับคุณกรายๆ โดยการให้ NPC ร้องเรียกคุณว่า "เฮ้! นายทำอะไรอยู่ เราต้องรีบทำภารกิจนะ" อย่างร้ายที่สุดคือจู่ๆ เกมก็แจ้งขึ้นว่าคุณล้มเหลวและไม่ผ่านภารกิจเพราะคุณอยู่ห่างจากเพื่อนเกินไป หรือไม่ก็ดำเนินการ "วาร์ป" คุณเพื่อที่จะดำเนินเนื้อเรื่องต่อไปทันที คุณจึงทำได้แค่ยิง และยิง และยิงๆ จนจำนวนศัตรูเหลือน้อยหรือตายหมด เพื่อที่จะวิ่งไปให้ถึงจุดกำหนดสคริปต์ถัดไป และวนลูปไปมาราวกับกงเกวียนกำเกวียน สคริปต์ > ยิง > คัทซีน > ยิง > กลับไปที่สคริปต์ใหม่... นอกจากนี้ ระบบการ Lean สำหรับชะโงกหน้ายิงก็ได้กลับมาสู่อ้อมกอดของซีรี่ส์ COD อีกครั้ง บวกกับมีแอ็คชั่นใหม่ๆ เพิ่มมาด้วย นั่นคือการพุ่งหมอบ (Sprint + Prone) ซึ่งทาง Treyarch คุยไว้ว่าสามารถใช้ท่านี้ในการพุ่งทะลุหน้าต่างเพื่อหนีจากภาวะคับขันได้ด้วย แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์เท่าไรในโหมดผู้เล่นคนเดียวเลย (และในโหมดผู้เล่นหลายคน บ่อยครั้งที่พุ่งไปแล้วตัวละครค้างคาอยู่บนบานหน้าต่างเช่นกัน) http://www.pspinw.com
ด้าน NPC ภาคนี้ มักจะออกอาการเอ๋อและวิ่งเข้ามาขวางทางปืนของคุณอยู่เป็นประจำ หลายครั้งที่เกมแสดงความผิดพลาดของ NPC ให้คุณได้เห็นอยู่บ่อยๆ เช่น คุณไปถึงจุดสคริปต์ซึ่งต้องให้ NPC ไปเปิดประตูให้จึงจะผ่านไปต่อได้ แต่ NPC กลับไม่ยอมมาเสียอย่างนั้น (คุณพุ่งทะลุหน้าต่างได้ แต่เปิดประตูด้วยตนเองไม่เป็นเหมือนเคย) ทั้งๆ ที่คุณก็จัดการศัตรูบริเวณโดยรอบหมดแล้ว ในขณะที่คุณรอแหง่กจนหน้านิ่วคิ้วขมวดและกำลังจะโหลด Checkpoint ล่าสุดขึ้นมาเล่นใหม่ (ใช่แล้วครับ เกมเวอร์ชั่น PC นี้ไม่มีระบบเซฟเกมด้วยตัวคุณเอง ยังคงใช้ระบบ Checkpoint เหมือน Console อยู่เช่นเคย) จู่ๆ เกมก็จะส่งศัตรูวาร์ปออกมาราวกับเป็นพวกมิวแทนท์เพื่อให้ NPC ของคุณยิง จากนั้นเหตุการณ์ตามสคริปต์ถึงจะดำเนินต่อไปได้โดยปกติ ส่วน A.I. ของศัตรูใน COD: Black Ops ก็ยังคงเส้นคงวาเช่นเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเกมในซีรี่ส์ก่อนๆ ศัตรูมีการชะโงกหน้าออกมายิง หรือนอนบาดเจ็บจนต้องชักปืนพกออกมาต่อสู้กับคุณบ้างเป็นบางครั้ง ด้านความแม่นยำของศัตรูจะเข้าขั้นท้าทายและทำให้เกมสนุกถ้าคุณเล่นในระดับความยากปกติขึ้นไป ส่วนในโหมดยากสุดนั้น ถ้าอยากเครียดสติแตกจะลองไปก็ไม่เสียหาย แต่ทุกๆ ระดับความยากนั้น เห็นจะมีเพียงนานๆ ครั้ง ถึงจะมีการขว้างระเบิดจากศัตรูมาให้คุณได้ผวาเล่น ในขณะที่จรวด RPG, ระเบิดแสง หรืออุปกรณ์เสริมต่างๆ แล้ว ถ้าไม่ใช่ถูกกำหนดด้วยสคริปต์ล่ะก็ คุณจะแทบไม่ได้เห็นศัตรูใช้อาวุธเหล่านี้เลย ยิ่ง Grenade Launcher ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ดูเหมือนมันมีไว้ให้คุณเก็บไปใช้เองเสียมากกว่า แถมอาวุธในเกมบางชนิด เช่น M14 เมื่อยิงๆ ไปจะเกิดอาการกระสุนยิงไม่ออกอีกด้วย ซึ่งก็ไม่ทราบว่า Treyarch ต้องการจะใส่ความสมจริง, ป้องกันคนเล่นคลิกจนเมาส์พัง หรือมันเป็น Bug กันแน่? เพราะไม่มีการแสดงอนิเมชั่นให้เห็นเลยตอนที่ปืนเกิดอาการ "Jam" นอกจากนี้ภารกิจในแต่ละฉากของเกม แม้จะดูเหมือนใส่ใจและมีรายละเอียดของสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน แต่ก็ยังไม่เข้าขั้น "Epic" แบบที่ตราตรึงชวนให้จดจำเหมือนใน Modern Warfare หรือ COD ภาคแรกครับ ทำให้เป็นที่น่าเสียดายมาก แต่เกมก็ยังแอบใส่ลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ เป็นมินิเกมสนุกๆ เล่นได้เพลินๆ อยู่ 2 เกม ให้คุณเป็นโบนัสมาด้วย
Multiplayer:
เชื่อว่าหลายคนอาจจะซื้อ COD: Black Ops เพื่อมาเล่นตรงนี้โดยเฉพาะโดยไม่สนใจโหมดเล่นคนเดียว เพราะความมันส์ที่เคยได้รับจากโหมดผู้เล่นหลายคนใน Modern Warfare 2 และใน Black Ops เอง ก็มีการขัดเกลาหลายๆ อย่างให้ดีขึ้นกว่าภาคนั้นอยู่พอสมควร อาทิ จำนวน Killstreak ที่ลดลงแต่พอดี ไม่มีพร่ำเพรื่อจนไม่มีคนใช้อย่างเช่น Nuke หรือ EMP, มีอาวุธที่มากขึ้นและน่าใช้งาน เช่น หน้าไม้ติดระเบิด หรือจรวด Valkyrie ซึ่งบังคับทิศทางได้ เป็นต้น, ฉากต่างๆ ที่ได้รับการออกแบบมาได้ดีมากๆ และมีเอกลักษณ์ ไม่ใหญ่หรือไม่เล็กจนเกินไป มีที่ซุ่มอันเป็นสวรรค์ของนัก Camping ให้ก็จริงแต่ก็มีจุดที่ทะลวงได้เพื่อความสมดุล ในภาคนี้ผมยังไม่เคยเจอคนบ่นเวลาเปลี่ยนฉากใหม่แล้วพบว่าเป็นฉากที่มีจุดซุ่มอยู่มากเกินไปอย่าง Estate, Underpass หรือ Wasteland แบบใน MW2 เลย... อ้อ! ยกเว้น Nuketown ฉากเดียวครับ ที่มีบ่นบ้างเรื่องฉากเล็กเกินไปหน่อย ทำให้ Spam ระเบิดกันได้ทั่ว นอกจากนี้ยังมีการเคลียร์ข้อตกลงต่างๆ ในโหมด Contracts เพื่อหาเงิน หรือการลงเงินพนันกันในแมทช์แข่งขันต่างๆ บนโหมดใหม่ที่มีชื่อว่า Wager Match อีกด้วย ใช่แล้วครับ! เป็นครั้งแรกใน COD ที่มีการใช้ระบบเงินในการซื้อปืน, อุปกรณ์ตกแต่ง, Perk, ลวดลายต่างๆ บนปืน หรือลายพรางหน้าตาตัวละครอีกด้วย โดยสกุลเงินในเกมนี้เรียกว่า COD Points ซึ่งสิ่งของบางอย่าง การใช้เงินตรงนี้ซื้อเพื่อปลดล็อคมันก็ดูเข้าท่า แต่บางอย่างก็ดูไร้ประโยชน์ เพราะอาวุธบางชนิด ต่อให้คุณมี COD Points เป็นล้าน แต่หากคุณมีเลเวลไม่ถึง คุณก็ไม่สามารถซื้อได้อยู่ดี (แล้วจะมีทำเพื่อ?) แต่มีลูกเล่นที่เจ๋งอยู่บ้างคือ ภาคนี้คุณสามารถออกแบบ Emblem ของคุณได้เอง จาก Template ที่มีให้เลือกตกแต่งกว่าร้อยแบบ โดยต้องใช้ COD Points ในการซื้อเช่นเดียวกัน รวมไปถึงรูปแบบพิเศษที่จะได้จากการ Prestige ด้วย โดยใน Black Ops นี้ แม้จะมีระดับเลเวลตัวละครสูงสุดอยู่ที่ 50 ซึ่งน้อยกว่า Modern Warfare 2 ก็จริง แต่ก็สามารถ Prestige ได้ถึง 15 ครั้งครับ และ Emblem ที่คุณออกแบบสามารถนำไปติดบนปืนของคุณได้อีกด้วย
ข่าวดีที่ว่าเกมภาคนี้มี Dedicated Server แล้ว (เย้! มี Admin แล้ว ได้เจอพวกแฮ็คหรือ Aim Bot น้อยลงเสียที) แต่ทว่า! Dedicated Server นั้นก็มีตั้งอยู่แค่ในพื้นที่บางโซนเท่านั้นครับ โดย Dedicated Server ทั้งหมดของ COD: Black Ops มาจาก Gameservers ซึ่งยังไม่มีการบุกตลาดมาในส่วนพื้นที่บริเวณแถว S.E.A. ของเรา (ในขณะรีวิวนี้) นั่นทำให้คุณต้องกระเสือกกระสนไปเป็นเป้าให้ชาวบ้านเชือดสบายๆ ในเซิฟเวอร์อย่าง JAP หรือ AUS ซึ่งแม้จะใกล้เคียงสุด แต่ก็มีค่า Ping ไม่ต่ำกว่า 150 ถ้าไม่เกาะกลุ่มไปกับสมาชิกคนอื่นๆ ในทีมล่ะก็ แจ้งเกิดยากครับ ยิ่งในโหมด Wager Match ยิ่งแล้วใหญ่ Ping สูงขนาดนี้ เข้าไปหมดตัวงอแงกันเป็นแถว อีกทั้งการเชื่อมต่อเวลาเข้าหน้าจอสร้าง Class, ปรับแต่ง Killstreak หรือจัดการ Contracts ก็มักจะค้างอยู่บ่อยๆ และแม้จะได้อานิสงค์จาก Steam ในการใช้ VAC ในการจัดการพวกโกงมาด้วย แต่การปาร์ตี้ในเกม COD: Black Ops กลับทำได้ยุ่งยากกว่า Modern Warfare 2 มากนัก ต่อให้คุณนัดแนะกับเพื่อนใน Clan เรียบร้อยแล้ว แต่พอเข้าไปในเซิฟเวอร์ คุณอาจจะไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกันกับเพื่อนคุณก็ได้ บวกกับปัญหาระบบจุดเกิดที่ถือได้ว่าแย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในซีรี่ส์ COD เลยทีเดียว อยู่ๆ อาจจะมีฝ่ายตรงข้ามโผล่มาเกิดข้างหลังคุณ หรือคุณอาจจะไปเกิดกลางวงศัตรู 2-3 ครั้งติดกัน เรียกได้ว่าไม่ต้องมี Tactical Insertion คุณก็วงแตกได้ (ซึ่งขณะที่รีวิวอยู่นี้ก็ไม่ทราบว่ามีแพทช์แก้ไขไปหรือยัง) และอีกอย่าง ถึงแม้ Black Ops จะนำโหมดซอมบี้อันน่าสนุกจากภาค World at War ใส่มาด้วย (ซึ่งปัจจุบันดูไม่ค่อยจะสนุกแล้ว) แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายครับว่าภาคนี้กลับไม่มีโหมด Co-op แบบใน World at War แต่ทาง Treyarch ก็ใจดีใส่โหมด Combat Training มาให้คุณด้วย ซึ่งโหมดนี้จะมีบอทที่มีความยากอยู่ 4 ระดับให้คุณต่อสู้ โดยในระดับความยากขั้นธรรมดานั้น ผมพบว่ามันก็ให้ความสนุกไม่แพ้เล่นกับคนเช่นกัน และเมื่อต้องหัวเสียจากอาการ Ping สูงเกินในโหมดผู้เล่นหลายคน การเล่นกับบอทก็เป็นวิธีคลายเครียดที่ดีอีกวิธีหนึ่ง อีกทั้งคุณยังสามารถให้เกมสร้างบอทโดยใช้รายชื่อจากเพื่อนๆ ของคุณบน Steam ด้วยก็ได้ แม้จะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น คุณเล่นกับบอทได้เพียง 2 โหมดเท่านั้นคือ Team Deathmatch และ Free-for-all, บอทมีอาการง่าวและมีการเล็งแบบ Aimbot รวมทั้งไม่รู้จักใช้อาวุธบางอย่าง เช่น Claymore หรืออาวุธจาก Killstreak เป็นต้น (ผมเห็นบอทเก็บ Sentry Gun จาก Care Package ไป แต่จนจบเกม มันก็ไม่ใช้เสียที)
Graphic:
มองภาพรวมแล้ว COD: Black Ops แม้จะมีความสวยงามของภาพที่เท่าเทียมกันกับ Modern Warfare 2 แต่ก็มีรายละเอียดสิ่งของในฉากที่เยอะกว่าอยู่มากมาย อีกทั้งเกมยังมีเอฟเฟคระเบิดและเปลวไฟที่สวยขึ้นและตระการตากว่าภาคก่อนๆ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นพัฒนาการที่ดีของเอนจิ้นที่ใช้ในเกมนี้ แต่มันก็แลกมาด้วยการบริโภคทรัพยากรเครื่องที่มากขึ้น และดูจะสูงเวอร์ในช่วงแรกๆ ที่เกมเวอร์ชั่น PC วางจำหน่าย เพราะดูจะเต็มไปด้วยปัญหาเกมกระตุกเกินกว่าที่ควรจะเป็น จนแทบจะเปลี่ยนชื่อเป็น COD: Lag Ops (แต่แปลกที่เกมกลับกินพื้นที่ HDD เพียง 7 GB กว่าๆ ซึ่งน้อยกว่า MW2 มาก) โดยเครื่อง PC ที่ผมใช้ในการรีวิวนั้น สามารถเล่น Crysis หรือ GTAIV เปิดระดับกราฟฟิค All High ได้สบายๆ แต่เมื่อมาเล่น COD: Black Ops กลับต้องปรับกราฟฟิคเป็นขั้นต่ำเพื่อที่จะเล่นได้อรรถรสโดยเกมไม่กระตุก (ได้อรรถรสตรงไหน?) และถึงแม้จะมีแพทช์ออกมาแก้ไขตรงนี้บ้างแล้ว แต่ถือว่า Treyarch ไม่ผ่านในการปรับแต่งกราฟฟิคและทรัพยากรให้เหมาะสมสำหรับเวอร์ชั่น PC ครับ แต่เพราะความเป็น Treyarch ก็มีส่วนดีอยู่เช่นกัน (ตรงนี้แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนนะครับ) เพราะคุณจะได้พบภาพความรุนแรงและโหดร้ายของสงครามเช่นเดียวกับใน World at War อาทิ ร่างกายศัตรูที่ไหม้เกรียม, อวัยวะฉีกขาด หรือเศษชิ้นเนื้อปนกระดูกที่แตกออกมาจากการระเบิดของคมกระสุน นอกจากนี้เกมยังมีฉากสังหารโหดให้เห็นอยู่เนืองๆ อย่างเช่นการปาดหลอดลม (บรึ๋ยย!) แต่ถ้าจะเรียกว่าสมกับที่เกมได้รับเรต M คงไม่ถูกเท่าไรนัก ต้องเรียกว่า เกมใช้เรต M ได้อย่างมีประโยชน์เท่าที่จะอำนวยดีกว่าครับ
Sound:
คงต้องขอเปรียบเทียบกับภาคก่อนซักหน่อย เพราะระบบเสียงของ COD: Black Ops นั้น ในบางส่วนก็ดีขึ้น แต่บางส่วนก็กลับแย่ลง ใน Black Ops ผมไม่จำเป็นต้องเปิดลำโพงหูฟังให้สุดเหมือนอย่าง Modern Warfare 2 ก็สามารถได้ยินว่า NPC คุยอะไรกันหรือศัตรูโหวกเหวกอะไรกันอยู่ แต่การแยกเสียงสภาพแวดล้อมในช่วงการรบที่โกลาหลถือว่าทำออกมาได้ไม่ดี ซึ่งผมมั่นใจว่าไม่ได้เป็นที่หูฟังของผมแน่ ใน Modern Warfare 2 เสียงฝีเท้าเดิน, เสียงข้าวของตก, เสียงระเบิด, เสียงโหวกเหวก ผมสามารถแยกออกได้เลยว่ามาจากทิศทางไหน แต่ใน Black Ops เสียงต่างๆ ที่มีมากมายเหล่านั้นมักจะกลืนกันทำให้แยกออกมาได้ลำบาก ในส่วนเสียงปืนหรือระเบิดต่างๆ นั้น ยังคงดีอยู่ในมาตรฐาน COD เหมือนเดิม แม้จะไม่แน่นและสุดยอดเท่ากับเสียงใน Medal of Honor ก็ตาม แต่คุณก็จะรู้สึกได้เลย (หรือรู้สึกไปเอง) ว่าปืนนั้นสร้างความเสียหายที่รุนแรงและสะใจขึ้นเมื่อได้ลั่นไกในแบบที่ไม่ใส่ปลอกเก็บเสียง ด้านเสียงพากษ์นั้นผมว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว อาจเป็นผลจากการได้นักแสดงที่มีประสบการณ์ช่ำชองอยู่ในระดับแนวหน้าของ Hollywood มาให้เสียงพากษ์ก็เป็นได้ (โดยเฉพาะ Gary Oldman ที่ให้เสียง Reznov กับ Dr. Clarke นั้น ผมชอบมาก) แต่ในส่วนของดนตรีประกอบนั้น ผมพบว่ามันติดหูอยู่เพียงไม่กี่เพลง ซึ่งต่างจาก Modern Warfare 2 แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบเพลงของ The Rolling Stones อาจจะถูกใจก็ได้ครับ http://www.pspinw.com
รีวิวเสริม
เมื่อเกิดศึกภายในขึ้นภายใน Activision ทัพหน้าอย่าง Infinity Ward มีอันต้องล่มสลาย จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อกองหนุน Treyarch ต้องกลับมารับหน้าที่พัฒนาซีรีย์ Call of Duty ภาคใหม่หลังจากฝากผลงานเก่า World at War ให้เราได้จดจำกันไปบ้างแล้ว เชื่อว่าแฟนเกมหลายๆ คนคงรู้สึกกระอักกระอ่วนหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แต่หลังจากผ่านการโปรโมต ปล่อยคลิปว่อนเน็ท เผยจุดเด่นต่างๆ ที่พัฒนาขึ้น หรือแม้แต่การออก Collector Edition เป็นรถบังคับติดกล้องตามอย่างกล้องส่องกบรุ่นพี่ของมัน ก็เป็นการสร้างกระแสให้เกมดูน่าสนใจจนลบอคติออกไปได้ แต่หลังจากเกมออกมาก็มีเสียงตอบรับให้แง่ลบออกมาให้เห็นอยู่มาก โดยเฉพาะโหมดผู้เล่นหลายคนซึ่งพบปัญหาอย่างมาก อย่างเช่นอาการกระตุกค้างนิ่งไปซะเฉยๆ (โดยเฉพาะเวลาอยู่ตรงหน้าศัตรู) ปัญหาเซิฟเวอร์ที่ทำให้บรรดาเกมเมอร์ SEA ต้องลากสังขารไปเล่นกันถึงญี่ปุ่นหรือออสเตรเลีย หรือปัญหาจุดเกิดมั่วซั่วทำให้เราไปเกิดกลางดงศัตรู และยังมีรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ดูไร้สาระและเป็นตัวถ่วงให้เห็นอย่าง "การเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการโผ" (คุ้นๆ มั้ย นี่มัน รด. ชัดๆ) ถ้าใครนึกภาพไม่ออกก็ลองนึกภาพปลาโลมาตอนโผขึ้นมาจากน้ำดูละกัน แต่ก็มีข้อดีให้เห็นบ้างอย่างระบบ kill streak ที่ไม่สูงเวอร์จนเกินไป ระบบสะสมเงินซื้ออาวุธหรือตราสัญลักษณ์ทำออกมาได้น่าสนใจดี และมีส่วนช่วยให้หันมาเล่นถี่ขึ้น เมื่อเพิ่ม Prestige แล้วตราสัญลักษณ์ต่างๆ ก็จะยิ่งปลดล็อคมากขึ้น โดยเฉพาะระดับสูงๆ จะมีราคาหลักหมื่นกันเลยทีเดียว ทำให้ตัวผู้เล่นแต่ละคนดูมีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น ภาพกราฟฟิกในเกมทั้งในโหมดผู้เล่นเดี่ยวและผู้เล่นหลายคนดูดีขึ้น โดยเฉพาะพวกเอฟเฟคต่างๆ แต่ก็พบปัญหา texture เพี้ยนบ้างซึ่งคิดว่าเกิดจากไดรเวอร์หรือการ์ดจอความร้อนสูงเกิน ซึ่งเกมนี้มีการบริโภคทรัพยากรที่สูงพอสมควร ส่วนเสียงประกอบนั้น มีการลงทุนใช้นักพากษ์ระดับ Hollywood มาเป็นผู้ให้เสียงตัวละคร แต่ดูเหมือนว่าเสียงประกอบอื่นๆ คุณภาพจะต่างออกไปโดยสิ้นเชิง อย่างเช่นเสียงปืนสไนเปอร์ซึ่งฟังดูคล้ายเสียงปืนยิงจุกยางตามงานวัด หรืออาวุธอย่าง Claymore ภาคนี้ก็จัดว่าโกงมาก เพราะขนาดที่เล็ก สังเกตเห็นได้ยาก และแทบไม่มีเสียงเลยเวลาเดินผ่าน ซึ่งผมมองว่าภาคก่อนหน้าอย่าง Modern Warfare 2 ยังทำได้ดีกว่านี้ สิ่งที่ดีที่สุดของภาคนี้ผมคงยกให้เป็นโหมดผู้เล่นเดี่ยว หลังจากสิ้นหวังกับโหมดผู้เล่นหลายคนมาแล้ว ซึ่งมีการวางพล็อตเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม มีพาหนะให้เราขับได้ในบางฉากตามสคริปต์ซึ่งไม่เคยพบเห็นในภาคก่อน มีการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครได้น่าสนใจ อย่างเช่นการนำเสนอความสัมพันธ์ระหว่าง Mason ตัวเอกของเราและ Reznov ถึงเกมการเล่นจะไม่ได้รวดเร็วฉับไวเหมือนกับ Modern Warfare แต่สำหรับ Black Ops นั้นก็ถือว่าผ่านเกณฑ์ และขึ้นชื่อว่าเป็นเกมแอคชั่นแล้ว ความสมจริงบางอย่างคงต้องตัดไปได้เลย อย่างเช่นสหาย Reznov ที่เราไม่ได้พบเจอเป็นปี แต่กลับดูหนุ่มขึ้นเหมือนไปฉีดโบท็อกซ์มาซะอย่างงั้น หรือแม้แต่ฉากกระโดดคัตซีนบางฉากที่แม้แต่โทนี่ จา ยังอาย สำหรับคนที่เล่นเพื่อความเพลินไม่ได้คิดมากแล้ว เรื่องเหล่านี้ก็คงไม่ใช่อุปสรรคให้การเล่นเสียอรรถรสเลยแม้แต่น้อย
โดยรวม Black Ops สอบผ่านด้านการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในซีรี่ส์เกม COD ก็ถือว่าเป็นพัฒนาการที่ก้าวกระโดด... แต่ด้วยเกมมีปัญหาหลายอย่างและได้รับการขัดเกลาแก่เวอร์ชั่น PC ออกมาไม่ดีพอ ทำให้การกระโดดครั้งนี้โดนลมวูบใหญ่พัดหอบเอาจนกระเด็นถอยหลังมาตกลงอยู่ที่ "จุดตำแหน่งเดิม" แม้เกมจะไม่ได้เข้าขั้นแย่และทางผู้พัฒนาก็พยายามที่จะทยอยปล่อยแพทช์ออกมา เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ อยู่เรื่อยๆ แต่เมื่อลองนึกเปรียบเทียบไปถึงครั้งแรกที่เกมถูกนำออกมาวางขายในสภาพเหมือน "เกมยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี" ก็อาจจะทำให้แฟนๆ ของ COD บนเวอร์ชั่น PC ต้องผิดหวังครับ เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า เกมขายดี อาจจะไม่ใช่เกมที่ได้คะแนนสูงเสมอไป
ข้อดี:
- มีการเล่าเรื่องที่คาดเดาได้ยากจนเป็นที่น่าติดตาม และมีคัทซีนที่แปลกใหม่ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในซีรี่ส์ COD
- เกมแอบใส่มินิเกมสนุกๆ เป็นโบนัสมาให้ด้วย
- โหมดผู้เล่นหลายคนที่หลายๆ อย่างได้รับการขัดเกลาออกมาอย่างสมดุลและดีขึ้นกว่าภาคก่อน, ปรับแต่งของเล่นยิบย่อยได้มากขึ้น
- COD Points
- มีบอทไว้สำหรับผู้ที่ซื้อมาเล่นคนเดียวแต่ต้องการสัมผัสความสนุกของ Multiplayer
- มีการใช้เสียงพากษ์จากนักแสดง Hollywood ซึ่งเค้นอารมณ์ออกมาได้ดี
ข้อเสีย:
- เกมอาศัย NPC และสคริปต์ต่างๆ ในการเล่นเป็นหลัก แต่สคริปต์เหล่านั้นก็ทำออกมาได้ไม่เนียนและ NPC ก็มีอาการเอ๋อบ่อยๆ
- แม้เอฟเฟคบางอย่างจะดูดีขึ้น แต่กลับรู้สึกว่าภาพไม่ได้สวยไปกว่าภาคก่อนเลย กระนั้นเกมก็กระตุกมาก ดูเหมือน Optimize มาไม่ดีพอสำหรับเวอร์ชั่น PC
- โหมดผู้เล่นหลายคนมีปัญหาระบบคำนวณจุดเกิดที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน COD, ไม่มี Co-op
- COD Points
- Lag
- ระบบเสียงแม้จะดังขึ้น แต่การแยกเสียงจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ก็ทำได้แย่ลงกว่าภาคก่อน
Call of Duty : Black Ops